By สำนักข่าวไทย TNA News | 3 เม.ย. 2556
รัฐสภา 3 เม.ย.-กระทรวงพลังงาน แจงคณะกรรมาธิการพลังงาน วุฒิสภา ย้ำเดินสายเร่งสร้างความเข้าใจประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในเชิงลึก แจงแผนอนาคตมุ่งความมั่นคงพลังงานไฟฟ้า ปรับโหมดลดใช้ก๊าซธรรมชาติ เดินหน้าพลังงานจากถ่านหิน หวั่นหากไม่ร่วมมือกันอาจกระทบการแข่งขันของประเทศ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “ประเทศไทยกับการกรองรับวิกฤตพลังงานไฟฟ้าในอนาคต” จัดโดยคณะกรรมาธิการพลังงาน วุฒิสภา ว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้เร่งแผนทุกด้าน เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้ทราบถึงความสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าของประเทศ โดยเห็นว่าในอนาคตเราจำเป็นที่จะต้องลดสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้า และหันมาใช้พลังงานจากถ่านหินมากขึ้น จะเห็นได้ว่าในต่างประเทศนิยมสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีสะอาด ไม่ก่อมลภาวะ โดยปัจจุบันกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เปิดกว้างให้ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการรับรู้เชิงลึกเพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยไทยกำลังมีการพัฒนาในทุกด้าน และพลังงานไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญของการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ดังนั้นราคาไฟฟ้าจึงเป็นหัวใจในการกำหนดความมั่นคงของประเทศ โดยรัฐบาลมีนโยบายที่จะรักษาระดับค่าไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ต่ำ เพื่อให้มีต้นทุนการผลิตที่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
“หากเปรียบเทียบกับต่างประเทศจะพบว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้พลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน และมีนโยบายการส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าในราคาถูก โดยราคาค่าไฟเทียบเท่ากับประเทศไทย ขณะที่รายได้ของประชากรในสหรัฐอเมริกาสูงกว่าไทย ขณะที่ประเทศในแถบยุโรป อาทิ เยอรมนี มีการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ซึ่งมีต้นทุนการผลิตสูง แต่ประชาชนมีรายได้สูงจึงสามารถจ่ายค่าไฟในราคาที่สูงได้ ขณะที่ประเทศไทยยังไม่สามารถที่จะมุ่งไปใช้พลังงานทดแทนเพียงอย่างเดียวได้ เนื่องจากมีต้นทุนสูง ไม่สอดรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชน” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับกรณีพม่าหยุดจ่ายก๊าซในช่วงวันที่ 5-14 เมษายน นี้ ซึ่งจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทำให้ขณะนี้ปริมาณกำลังผลิตไฟฟ้าในวันที่ 5 เมษายน อยู่ที่ 27,067 เมกะวัตต์ นับว่าเพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงดังกล่าว ส่วนในปีหน้า คาดว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นในปีนี้ เนื่องจากพม่าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงในช่วงเดิมคือช่วงสงกรานต์.-สำนักข่าวไทย
No comments:
Post a Comment
กรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์นะครับ